ปูกระเบื้องแกรนิตโต้หน้าบ้านไม่ลื่นง่ายๆ ผ่าน 5 ทริค

ตั้งแต่การเลือกซื้อจนถึงเทคนิคการปู

กระเบื้องหน้าบ้านต้องเจอทั้งแดด ลม และฝน การปูกระเบื้องหน้าบ้านที่ดีต้องไม่ลื่น แข็งแรงทนทาน และไม่ซึมน้ำ

เปิด 5 ทริคง่ายๆ ทั้งการเลือกซื้อให้ถูกประเภทจนถึงเทคนิคการปูง่ายๆ ทำได้จริง

• การปูพื้นกระเบื้องหน้าบ้านเป็นเรื่องสำคัญ ที่ช่วยให้เกิดความสวยงาม เป็นระเบียบ เพิ่มพื้นที่ใช้สอยในบ้าน ดังนั้นการเลือกพื้นกระเบื้องนอกบ้านจะต้องคำนึงถึงการใช้งานที่แตกต่างกัน จึงต้องทนทาน ไม่ซึมน้ำ ผิวหยาบและไม่เงา จนถึงการเลือกใช้สีเข้มจะช่วยให้ดูแลรักษาง่ายขึ้นกว่าเดิม
• การปูกระเบื้องพื้นหน้าบ้านที่ดี จะช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุจากการเดินแล้วลื่นล้ม การสะดุดจากพื้นที่ไม่เรียบเสมอกัน ไปจนถึงช่วยในเรื่องการลดค่าใช้จ่ายที่อาจบานปลายตามมาทีหลังด้วย

ในการออกแบบบ้านหลังหนึ่ง สิ่งสำคัญที่จะลืมไปไม่ได้เลยคือเรื่องของ ‘พื้น’ ซึ่งเจ้าเรื่องพื้นๆ นี้จะยากขึ้นทันทีถ้าไม่มีความรู้มากเพียงพอ ในการออกแบบพื้นบ้านถือว่าเป็นงานที่สำคัญเพราะไม่ว่าจะพื้นกระเบื้อง พื้นหินขัดมัน หรือแม้กระทั่งปูนเปลือย เพราะพื้นบ้านที่ดีจะนำมาสู่การใช้ชีวิตที่ดีและไม่เกิดปัญหาต่างๆ เช่น คราบสกปรก การดูแลรักษาที่ยาก ไปจนถึงเรื่องของสุขภาพ เพราะพื้นที่ดีควรเดินสบาย ไม่ต้องพะวงว่าจะลื่นหรือหกล้มในทุกๆ ครั้งที่ก้าว

พื้นหน้าบ้านก็เป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง เพราะถือว่าเป็นก้าวแรกก่อนที่จะได้เข้าไปพักผ่อนสบายๆ ในบ้าน การปูกระเบื้องหน้าบ้านจึงเป็นอีกเรื่องที่ควรจะคำนึงถึง สำหรับใครที่กำลังเลือกซื้อบ้าน หรือกำลังปรับปรุงบ้านใหม่อยู่ วันนี้เอพีมี 5 เคล็บลับในการปูกระเบื้องหน้าบ้านยังไงให้ปลอดภัย ไม่ลื่นและดูแลรักษาได้ง่ายๆ มาฝาก

หนึ่งในพื้นที่สำคัญไม่แพ้กับพื้นที่ในบ้าน คือพื้นที่หน้าบ้าน หรือนอกบ้านนั่นเอง สำหรับพื้นนอกบ้านไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความสวยงามหรือทำให้บ้านเป็นระเบียบและน่าอยู่เท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยบริเวณหน้าบ้าน แก้ปัญหาเรื่องของดินที่เฉอะแฉะตามบริเวณสวน ลดปัญหาของสวนรกร้างที่ต้องมาทำความสะอาดและดูแลบ่อยๆ ซึ่งหมายถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายการดูแลจัดการกับสวนหน้าบ้านอีกด้วย

ปูกระเบื้องหน้าบ้านให้ไม่ลื่น ผ่าน 5 ทริคง่ายๆ ตั้งแต่การเลือกซื้อจนถึงเทคนิคการปู

1. ผิวกระเบื้องต้องหยาบ ด้าน และไม่เงา

คุณสมบัติกระเบื้องหน้าบ้านหลักๆ คือต้องแข็งแรง ทนทาน ด้วยความที่พื้นหน้าบ้านเป็นพื้นที่ที่อยู่ภายนอกบ้าน ทำให้ต้องเจอกับสภาพอากาศที่แตกต่างกันออกไปอ ทั้งแดด ลม และฝน รวมถึงในบางวันที่เราต้องออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านอีก และบางบ้านอาจมีการใช้พื้นที่นอกบ้านในการเก็บของ วางของ ทำให้ต้องรับแรงกระแทกที่ต่างกัน พื้นกระเบื้องหน้าบ้านจึงควรเลือกใช้แบบผิวหยาบ มีความด้าน และไม่เงา เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้งานพื้นนอกบ้าน

2. เนื้อกระเบื้องต้องทนทานและไม่ซึมน้ำ

นอกจากคุณสมบัติในเรื่องของผิวหยาบ ด้าน และไม่เงา อีกหนึ่งคุณสมบัติที่สำคัญมากๆ คือเรื่องของความเปียกชื้น เนื่องจากพื้นที่นอกบ้านมีโอกาสเจอกับฝนมากกว่าในบ้านอย่างแน่นอน ยิ่งถ้าบ้านใครมีสวนบริเวณนั้นยิ่งทำให้ต้องเจอกับความเปียกชื้นจากการรดน้ำต้นไม้มากกว่าเดิม ดังนั้นแล้วกระเบื้องที่เอพีแนะนำต้องเป็นกระเบื้องดูดซึมน้ำต่ำ เพื่อลดโอกาสการเกิดความชื้นให้ได้มากที่สุด ซึ่งหมายถึงช่วยยืดอายุการใช้งานและดูแลรักษาได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

3.เลือกกระเบื้องสีเข้มไว้ก่อน เพื่อให้ดูแลรักษาง่ายขึ้น

ใครว่าพื้นนอกบ้านจะต้องเรียบๆ เสมอไป เราอาจจะเลือกลายกระเบื้อง ลวดลายธรรมชาติ หรือสีสันเล็กน้อยเพื่อความสวยงามก็ได้เหมือนกัน แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้พื้นสีขาวเพราะว่าพื้นนอกบ้านจะต้องเจอกับสภาพอากาศที่หลากหลายทั้งฝนทั้งแดด อาจเกิดเป็นคราบได้ง่าย นอกจากการเลือกใช้สีแล้วยังต้องคำนึงถึงเรื่องของขนาดด้วย หากพื้นที่นอกบ้านที่ต้องการปูมีขนาดกว้าง ก็ควรเลือกกระเบื้องที่มีขนาดกว้างตามเพื่อให้เกิดความเหมาะสม 

4.  เตรียมพื้นผิวให้เรียบเสมอกันก่อนปู

เมื่อเลือกซื้อเสร็จแล้ว ก็มาถึงการปูกระเบื้องหน้าบ้าน ทริคหนึ่งง่ายๆ เลยคือเราควรเตรียมพื้นผิวให้ได้ระดับเสมอกัน เรียบเนียน ไม่มีฝุ่นผง หรือสิ่งสกปรก เพื่อให้กาวซีเมนต์ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และสำหรับบ้านที่ต้องการปูกระเบื้องทับพื้นกระเบื้องเดิม ควรสำรวจก่อนว่ากระเบื้องเดิมมีความเสียหายหรือไม่ ถ้ามีควรจัดการแก้ไขพื้นที่เดิมให้เรียบเสมอกันก่อนเริ่มปูใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาอาการลอกตามมาทีหลัง

5. ปูกระเบื้องแบบแห้งเหมาะสมที่สุด

หลังปรับพื้นเสมอกันแล้ว เทคนิคหนึ่งของการปูคือควรเลือกวิธีปูแบบแห้ง  โดยใช้ปูนทรายหรือกาวซีเมนต์ เป็นตัวประสานเชื่อมระหว่างพื้นปูนกับกระเบื้อง โดยให้ปาดปูนทรายหรือกาวซีเมนต์ให้ทั่วแล้วค่อยๆ ปูกระเบื้องลงไป เพื่อให้เกิดแรงยึดเกาะระหว่างกันที่แน่นมากขึ้น และเป็นการยืดอายุการใช้งานของกระเบื้องได้